คืนแรกนี้ 2 มีนาคม 54 เราได้พักค้างแรมกันที่โรงแรมเล็กๆในเมืองสุราษฯ "The ONE" เป็นที่พักขนาดย่อมไม่ใหญ่มากนัก แต่ยังใหม่เอี่ยมอยู่ ราคา790.-พร้อมอาหารเช้า
อิ่มแล้ว,...ก็พร้อมออกเดินทางต่อไปยัง เขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ซึ่งถูกขนานนามจากนักท่องเที่ยวทั้งหลายว่า "กุ้ยหลิน เมืองไทย" เราใช้เวลาเดินทางจากเมือง ประมาณ 1ชั่วโมงเศษ ก็พบกับสันเขื่อนที่กั้นแหล่งน้ำมหาศาลนี้ไว้ ทำให้เราไม่สามารถอดใจไว้ได้ที่จะต้องขอเก็บรูป ความประทับใจ แรกเห็นสัก 2-3 รูป จากนั้นเราก็เร่งเดินทางไปยังจุดนัดหมายของเรา ที่ได้วางแผนไว้ ว่าจะไปแชร์ที่นั่งในเรือกับกรุ๊ปทัวร์ ที่จะไปพักในที่เดียวกัน แต่,...ก็เกิดความผิดพลาดขึ้นจนได้ (เราตกเรือ) ไปไม่ทันนัด. ทำอย่างไรดีล่ะ ถ้ารอรอบถัดไปต้องรอถึง 4โมงเย็น (ขณะนั้นเป็นเวลา บ่ายโมงครึ่ง) แต่ในความโชคร้ายก็ยังพอมีโชคดีเหลืออยู่บ้าง มีเจ้าหน้าที่เขาบอกว่า เรายังมีเรืออีกลำนึง ที่จะไปยังที่พักนั้น แต่ต้องไปขึ้นอีกท่านึง ...เอาว่ะ เวลานี้แล้ว ไปก็ไป...ไม่อยากจะคุยเลย เราไปไปเรือส่วนตัวครับ มีเราสองคนกับแฟน และก็พลขับเท่านั้น ไม่ต้องไปนั่งเบียดกับใคร แหม...ช่างวิเศษอะไรเช่นนี้ เป็นคุณ จะสนใจมั้ยล่ะ...นั่นไงครับ,...เรือส่งกับข้าว ผมว่านี่ล่ะ คือการเริ่มต้นของการเดินทางที่เยี่ยมที่สุดเลย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง..จริงมั้ยครับ ทุกคนกำลังรอผมอยู่,....ผมกำลังไปแล้วคร๊าบบบบนั่งเรือมาสัก15นาที ก็พบกับภูเขาตั้งตะหง่านขวางหน้าอยู่มากมาย ล้วนแล้วแต่สูงใหญ่ สูงชัน อยู่ท่ามกลางผืนน้ำที่โอบล้อม ที่มีสีฟ้าเข้มจนถึงเขียวบ้างในบางจุด ราวกับอยู่ในน้ำทะเลปานนั้น ท่ามกลางแดดยามบ่ายที่แผดเผา ลมเย็นปะทะหน้าสองเราตลอดเวลาของการเดินทาง มันไม่ร้อนเลยสักนิด เพราะแลกกับทิวทัศน์ที่ตื่นตาตื่นใจทุกขณะ.....ถึงแล้วที่พักของเรา บ้านแพไม้เป็นหลังๆ ตั้งผูกกันเป็นทิวแถวยาวอยู่ในอ้อมกอดของสันเขา
560.- ต่อคน รวมอาหาร 3 มื้อ น้ำเปล่า+น้ำแข็งฟรี ไม่อั้น....
น้ำที่นี่ ใสมาก สะอาดมาก เพราเขาคงเป็นกฏที่วางมาตราฐานไว้ใช้ร่วมกันกระมัง ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำจะถูกจัดให้พวกเราขึ้นไปใช้บนเขา ซึ่งเชื่อมทางเดินไว้กับทางเดินของแพ งานนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักมาก ปวด..แต่ละครั้ง เล่นเอาเหงื่อซึมกันเลย
1ทุ่ม,..เริ่มรับประทานอาหาร ทางที่พักเขาเตรียมอาหารไว้ให้เป็นโต๊ะใครโต๊ะมัน พอเรานั่งปุ๊บ เขาก็เสริฟปั๊บ ขอบอกนะครับว่ากับข้าวทุกอย่าง หมดแล้วสามารถเติมได้เพิ่มอีก ไม่อั้น แต่คุณต้องทานให้หมดน่ะ...เพราะมันน่าเสียดาย อร่อยๆทั้งนั้นเลย
เริ่มต้นที่....แกงส้มหน่อไม้ดองกับปลาเขื่อน
ยอดเหลียงผัดไข่
ไข่เจียวจานใหญ่ กินที่ไหนก็อร่อย
ปลาทับทิมทอด ตัวใหญ่มาก
ปิดท้ายด้วย ผลไม้ตามฤดูกาล ที่หอมหวานและแสนอร่อย
........หลังจากอาหารมื้อค่ำ เราก็ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ของขุนเขา และความสงบเงียบของธรรมชาติ เรื่อย เรื่อย เรื่อย......ไป
Good Morning.............Sir
ตื่นแล้วคร๊าบบ....ตื่นมารับแสงอรุณกับไอน้ำค้าง ที่แสนสดชื่น (อันที่จริง เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับครับ คือว่าเจ้าฝรั่งอิตาลีกับแฟน ข้างห้องเขาจู๋จี๋กัน อย่างเมามันส์ไม่แคร์สื่อ ทำเอาเรานอนได้ครึ่งหลับครึ่งตื่น...แต่ก็ไม่เป็นไร แค่ไม่เห็นภาพ แต่ทุกอย่างมีครบ)
เช้านี้เราต้องรีบกลับ เพราะต้องรีบข้ามเกาะ ไปเกาะสมุย หากช้าไปเด๋วจะพาลอารมณ์เสียกันใหญ่
ขากลับออกจากเขื่อน คราวนี้เราติดเรือคณะอื่นเขากลับมา เราจองท้ายเรือเป็นที่นั่งชมวิวกุ๊ยหลินเพื่อสวีตกันสองคนเลย....
วิลล่า ลา มูน
ถึงแล้วครับที่พักของเราบนเกาะสมุย
ที่นี่สวยนะครับ มีสระว่ายน้ำ ที่นั่งพักผ่อน แต่ลงเล่นน้ำไม่ได้ ไม่มีหาดมีแต่โขดหิน แต่ห้องพักก็ทำให้เราลืมนึกถึงสิ่งเหล่านั้นไปเลย
ห้องเบอร์ 4 ประกอบด้วย ห้องนอน,ห้องรับแขก,ห้องแต่งตัว,ห้องอาบน้ำพร้อมอ่างจากุชชี่ ที่เปิดหน้าต่างออกไปเห็นวิวทะเล,ระเบียงรอบห้องแบบโอเพ่นแอร์,และของใช้อำนวยความสะดวกที่มีให้อย่างครบครัน.
3 วัน 2 คืน........ พร้อมอาหารเช้า
เราเริ่มกิจกรรมต่างๆ ให้คุ้ม ภายในไม่กี่วันนี้ด้วยการทัวร์รอบเกาะ กิน เที่ยว เล่นน้ำตก ไปถ่ายรูปคู่กับของสงวน (หินตาหินยาย)
ไหว้พระ เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดพระใหญ่
อาหารค่ำ 2 คืน เราฝากท้องไว้กับร้าน เสบียงเล อาหารถูก มีคุณภาพ ไม่แพง
ยำเสบียงเล
ยอดเหลียงผัดไข่ (อีกแล้ว)
แกงเหลืองผักรวมใส่ปลากระบอก
ปลาทรายทอดขมิ้น
แกงเห็ดหลุบ (เป็นเห็ดทะเล อยู่ในน้ำลึก ต้องกุ๊กที่มีความชำนาญในการทำ มิฉะนั้นทานเข้าไปแล้ว อาจเกิดอาการเมาได้ หาทานได้ไม่บ่อยนัก มีเป็นช่วง ตามฤดูกาล)
ปลาหมึกผัดไข่เค็ม
และอื่นๆอีก 2-3 อย่าง ทริปนี้หนักไปทางเรื่องกินซะมาก
..............ค่ำคืนที่ยาวนานและมีความสุข ก็ผ่านพ้นไป...................เช้าวันที่ 6 มีนาคม 54 เป็นวันที่เราทั้งคู่ต้องเดินทางกลับมาใช้ชีวิตในเมืองหลวงต่ออีก และก็ต้องรีบมาให้ทันเรือ รอบ 11 โมงด้วย ไม่เช่นนั้นเราจะขึ้นเครื่องบินไม่ทัน
4 โมงเย็น....เช็คอินน์ ทันพอดีเป๊ะครับ เครื่องออก 5 โมงเย็น......บ๊าย บาย สุราษ เขื่อนเชี่ยวหลาน และเกาะสมุย โอกาสหน้า ถ้ามีเวลาว่างอีก เราจะกลับมาหาใหม่น่ะ
ความสุขที่หาได้อีกนิดหน่อยระหว่างทางกลับบ้านก็คือ ก้อนเมฆสวยๆกับท้องฟ้าใสๆ ที่มองเห็นได้จากปลายปีกของเครื่อง
เท่านี้ก็สุขใจแล้ว.....สวัสดีครับ
วิลล่า ลา มูน น่ารักอ่ะ พี่แว่น
ตอบลบอาหารก็น่ากินนนนนนนน
หนูอยากเที่ยวว
อ้อยยย
ตาร้อนผ่าวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบอยากกกกกกกกกกกกกก
มากกกกกกกกกกกกกกก
อยากรู้ว่า ฝรั่ง มันทำเสียงรัยกัน ><
เจ๋งไปเลยเพ่..^^
ตอบลบOh,...yes Sabina ...I love u.....o..h ..y..e..s...
ตอบลบ